....ยินดีต้อนรับสู่บล็อกครับ....

ขอต้อนรับผู้เยี่ยมชมทุกท่าน...บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู ภาคเรียนที่ 2/2554 สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 วิชาเอก เทคโนโลยีการศึกษาและคอมพิวเตอร์การศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง .....เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน(blended learning)เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้ผู้เรียนสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับการศึกษาค้นคว้าเพื่อการเรียนรู้ในชั้นเรียนปกติ นอกจากนี้ยังเป็นทางหนึ่งในการส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบประโยชน์และคุณค่าของ "ทางสายกลาง"โดยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง...

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554



คำอธิบายรายวิชา
........ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครซอฟท์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ค ระบบซอฟท์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพวิเตอร์ขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมได้
วัตถุประสงค์ในรายวิชา
..เมื่อผู้เรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนจบแล้วตามหลักสูตรแล้วจะมีพฤติกรรมหรือความสามารถดังนี้
1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้
2. อธิบายความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
3. ยกตัวอย่างเทคโนดลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวิตจริงได้
4. อธิบายความหมายและความสำคัญของวิธีระบบได้
5. อธิบายความสัมพันธ์ของวิธีระบบกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้
6. บอกความหมายและองค์ประสกอบสำคัญๆของคอมพิวเตอร์ได้
7. อธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้
8. บอกประเภทและคุณสมบัติของซอฟท์แวร์แต่ละประเภทได้
9. บอกความหมายและความสำคัญของอินเตอร์เน็ตได้
10. บอกความสัมพันธ์ของเครือขายคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
11. อธิบายแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้
12. อธิบายวิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาได้
13. ยกตัวอย่างโปรแกรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้
14. สร้างสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนได้
15. นำเสนอสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เป็นสื่อทั่วไปและสื่อระบบเครือข่ายได้
 เนื้อหาบทเรียน
หน่วยการเรียนที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
หน่วยการเรียนที่ 2 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
หน่วยการเรียนที่ 3 คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่ 4 ซอฟต์แวร์
หน่วยการเรียนที่ 5 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่ 6 อินเตอร์เน็ต
หน่วยการเรียนที่ 7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
หน่วยการเรียนที่ 8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
รูปแบบของกระบวนการเรียนการสอน
วิธีสอน :  เป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning)
เนื้อหาบทเรียน :  เนื้อหาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
เครื่องมือกำกับการเรียนรู้ : ความซื่อสัตย์(integrity)
 กิจกรรมการเรียนการสอน
                                   การบรรยายประกอบสื่อในชั้นเรียนปกติ (traditional classroom)
                                   การศึกษาค้นคว้าด้วยสื่อออนไลน์หรือเว็บบล็อก
                                   การสรุปและนำเสนอในชั้นเรียนด้วยสื่อ ICT
                                   การอภิปรายแสดงความคิดเห็น
                                   การสรุปเป็นรายงาน
                                   การทดสอบเพื่อวัดและประเมินผล
ความซื่อสัตย์(integriry)
    เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถ(competency)อย่างหนึ่งที่มีประโยชน์และมีคุณค่าในความเป็นมนุษย์ของบุคคล ช่วยให้เกิดความไว้วางใจ  น่าเชื่อถือ และเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเรียนรู้และดำเนินงานของบุคคลหรือองค์กร
.....การจัดการเรียนการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครูในภาคเรียนที่ 2/2554 มุ่งเน้นในการใช้ความซื่อสัตย์เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อกำกับกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนทั้งในแบบรายบุคคลและแบบทีม โดยมีเกณฑ์เบื้องต้นเป็นแนวทางในการปฏิบัติ 5 ระดับ ดังนี้
      ..................................................................................................................................
ระดับความซื่อสัตย์
1. ระดับตำกว่ามาตรฐานที่กำหนดอย่างมาก
     . ให้ข้อมูลที่บิดเบือนจากจวามจริงเป็นเหตุให้เกิดปัญหาหรือความาเข้าใจผิด
     . หลีกเลี่ยงการตักเตือนหรือแจ้งผู้ที่ทำผิดระเบียบ
     . ปฏิเสธ/ไม่ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
     . ละเมิดระเบียบหรือกฎเกณฑ์อยู่เสมอ
2. ระดับตำกว่ามาตรฐาน
     . ดูแลและรักษาทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นบางครั้ง
     . ตักเตือนหรือแจ้งผู้ทำผิดระเบียบหรือกฎเท่าที่จำเป็น
     . ไม่ประพฤติตนตามระเบียบหรือกฎของส่วนร่วมเป็นบางครั้ง
3. ระดับมาตรฐานที่กำหนด
     . รับฟังและไม่นำข้อมูลของผู้อื่นมาเปิดเผย
     . ดูและและรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ของส่วนรวมอยู่เสมอ
     . ไม่นำทรัพย์สินของส่วนรวมมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว
     . ประพฤติตนตามระเบียบหรือกฎอยู่เสมอ
4. สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนด
     . ไม่เปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานที่อาจสร้างความขัดแย้งหรือปัญหาให้เกิดขึ้น
     . ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และเหมาะสมกับกลุ่มคน เวลา และสถานการณ์
     . ตักเตอืนสมาชิกในทีมเมื่อทำผิดระเบียบหรือกฎ
     . ยอมรับและหาทางแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง
5. สูงเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนด
     . แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบเห็นผู้ทำผิดระเบียบหรือกฎ
     . ปลุกจิตสำนึกให้สมาชิกทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานมีจรรยาบรรณและคุณธรรมในการทำงาน
     . นำทรัพย์สินของตนเองมาใช้เพื่อใกรทำงานประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
...ประโยชน์และคุณค่าของความซื่อสัตย์...
1. ส่งเสริมให้เกิดความเมตตาธรรม
2. ปราศจากความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
3. เป็นพื้นฐานในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคม
4. ส่งเสริมความรักและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
5. เป็นพฤติกรรมที่ปราศจากกความหวาดระแวง
6. เป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
7. นำไปสู่ความรักและเคารพในเกียรติของตนเองและบุคคลอื่น
8. เป็นการเคารพสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือความรู้สึกคนอื่น
9. ช่วยรักษาปกป้องผลประโยชน์ของตนเองหรือองค์กรอย่างตรงไปตรงมา
10. ช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ตนเอง ครอบครัว และสังคม
11. ช่วยส่งเสริมความเป็นระเบียบและมีวินัยในตนเองและสังคม
12. ช่วยสร้างความจริงใจและไว้วางใจซึ่งกันและกันได้
สุภาษิต คำพังเพย เกี่ยวกับ ความซื่อสัตย์
1. ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน 
2. เสียชีพอย่าเสียสัตย์ 
3. กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา  
4. คดในข้องอในกระดูก 
5. สิบแปดมงกุฎ 
6. ฉ้อราษฎร์บังหลวง 
7. ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก 
8.หน้าเนื้อใจเสือ  
9. ผักชีโรยหน้า 
10. ปากว่าตาขยิบ
           .............................................................................................................................................................
กิจกรรมปลูกฝังจิตสำนึก"ความซื่อสัตย์"
.....1. นำเสนอตัวอย่างที่ดีอย่างสมำเสมอจนเกิดความเคยชินหรือเกิดความสงสัย และสามารถตอบคำถามได้ว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับพฤติกรรมตรงกันข้ามจะได้รับผลอย่างไร
.....2. ยกย่องสรรเสริญให้เป็นขวัญและกำลังใจกับผู้ประกอบความดี ประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
.....3. แนะนำตักเตือนด้วยความหวังดีไม่มีอคติเมื่อผู้เรียนประพฤติไม่ถูกต้องเพื่อจะได้ปรับตนใหม่ให้เป็นไปตามวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม
.....4. ส่งเสริมให้เด็กหรือผู้เรียนมีประสบการณ์ตรง เช่น พูดคุย สัมภาณ์บุคคลตัวอย่างในท้องถิ่น
.....5. ให้เด็กหรือผู้เรียนเรียนรู้ตามตัวอย่างจากสื่อต่าง ๆ เช่น นิทาน ละคร  ภาพยนตร์  สารคดี ชีวิตจริงของบุคคลที่ประพฤติตนอย่างซื่อสัตย์สุจริต แล้ววิเคราะห์และสรุปผลด้วยตนเอง ให้ทำหลายๆ ครั้งอย่างสมำเสมอในสถานการณ์ที่แตกต่างกันทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
.....6. ส่งเสริมให้เด็กหรือผู้เรียนได้วิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์หรือสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นแตกต่างกันหลาย ๆ ครั้ง ทั้งการวิเคราะห์เป็นกลุ่มและการวิเคราะห์ด้วยตนเอง เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจเชิงเหตุและผลทั้งด้านดีและไม่ดี และทั้งที่หาข้อยุติหรืออาจยังหาข้อยุติไม่ได้
.....7. ให้ได้แสดงเจตนารมณ์เป็นรายบุคคลหรือเป็นทีมที่จะประพฤติปฏิบัติตนในกรอบของความซื่อสัตย์สุจริต  คุณะรรมจริยธรรม เช่น การมีคติพจน์ประจำใจ  การสร้างสัญลักษณ์ของพฤติกรรม  ฯลฯ
....บล็อกอยู่ในช่วงปรับปรุงครับ....

.......กิจกรรมแนวทางการปฏิบัติตนในการเรียนรู้........

1. ความซื่อสัตย์คืออะไร

2. ความซื่อสัตย์ตรงกับภาษาอังกฤษว่าอย่างไร(I)

3. ให้วิเคราะห์ "เปรียบเทียบ" กับคำอื่นๆที่มีความหมายใกล้เคียง(T)

4. วิเคราะห์ "ประโยชน์และคุณค่า" ของความซื่อสัตย์ (T)

5. ศึกษา "ความคิดเห็น" เกี่ยวกับความซื่อสัตย์โดยการสัมภาษณ์

- ผู้ปกครอง/ญาติ - อาจารย์

- เพื่อต่างทีม - บุคคลทั่วไป

6. ค้นคว้า "งานวิจัย" เกี่ยวกับความซื่อสัตย์(ระบุเครื่องมือและกิจกรรม)(T)

7. ศึกษา "พฤติกรรม" ความซื่อสัตย์จากสื่อ ICT (วิเคราะห์ปัญหา/แนวทางการปแก้ไข

8. ศึกษา "เนื้อหาสาระ" ความซื่อสัตย์จากเพลงเป็นรายบุคคล(T)

9. ศึกษา "เนื้อหาสาระ"ความซื่อสัตย์จากวรรณกรรม(I)

10. การเลือก "ประพฤติตน"เกี่ยวกับความซื่อสัตย์เป็นรายบุคคล (I)

11. การเลือก "ประพฤติตน" เกี่ยวกับความซื่อสัตย์เป็นทีม (T)

12. การสร้าง "เครื่องมือ" วัดความซื่อสัตย์รายบุคคลและทีม(T)

ความซื่อสัตย์

.....ความซื่อสัตย์ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า honest หรือ integrity เป็นพฤติกรรมที่จริงใจตรงไปตรงมาไม่อคติไม่ลำเอียง เป็นความประพฤติที่สามารถนำมนุษย์และสังคมไปสู่ความสุขสงบได้

...ประเภทของความซื่อสัตย์

ความซื่อสัตย์แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น

.....1. ความซื่อสัตย์ทางวิชาการ ผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องรักษาความซื่อสัตย์ประเภทนี้ไว้คือ

....ครู อาจารย์ เป็นบุคคลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยครบถ้วนสมบูรณ์และทุ่มเทความอุตสาหะอย่างเต็มที่ในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เป็นศิษย์ นักเรียน และผู้ที่สนใจในการศึกษา จะต้องทำหน้าที่ในการอบรมสั่งสอน ถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติที่ดีและถูกต้อง ปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกศิษย์และคนทั่วไป จะปิดบังหรือบิดเบือนความรู้ไม่ได้ เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดขั้นมหันต์

.....นักเรียน จำเป็นจะต้องมีความซื่อสัตย์ มีความซื่อตรง ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และแสวงหาวิชาความรู้ที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันก็จะต้องมีคุณธรรม มีศีลธรรม ไม่กระทำโดยออกนอกกรอบบัญญัติของศาสนา

.....2. ความซื่อสัตย์ในการปฏิบัติงาน เป็นการประกอบอาชีพการงานด้วยความซื่อตรง ตรงต่อเวลา ไม่บิดพริ้ว หลีกเลี่ยง คดโกง ทุจริตในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ

.....3. ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง บุคคลต้องซื่อสัตย์ต่อตนเองโดยดูแลรักษาสุขภาพให้มีความแข็งแรง กระปี้กระเปร่า มีความสุขทั้งกายและใจ ในหลายศาสนาได้บัญญัติข้อห้ามไม่ให้รับประทานอาหารที่เป็นโทษต่อร่างกายไว้ เช่น สุรา ยา เสพติด ซากสัตว์ที่ตายเอง นอกจากนี้ยังสอนให้ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์หรือผู้ที่อยู่ภายให้การรับผิดชอบด้วยการดูแลเอาใจใส่ เช่น ทรัพย์สิน ตระกูล สามี ภรรยา พ่อแม่ เป็นต้น

การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม

.....การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning).....

การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับมนุษย์และสังคมเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างแนวคิดร่วมกันในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งระดับปัจเจกบุคคลและสังคม

.....การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม เป็นกระบวนการส่งเสริมความรู้ทัศนคติและความชำนาญระหว่างสมาชิกทุกคนในทีมงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมในทางสร้างสรรค์ที่นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ ยกระกับมาตรฐานในการทำงานขององค์กรหรือหน่วยงาน ทำงานให้เจริญขึ้นเพื่อพัฒนาไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้

.....นอกจากนี้การเรียนรู้เป็นทีมที่นำกระบวนการกลุ่มมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการทำความคุ้นเคย ก่อให้เกิดความคุ้นเคย ความใกล้ชิดสนิทสนม เกิดความผูกพัน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ซื่งกันและกัน โดยการพูดคุย อภิปราย ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การเรียนรู้ของสมาชิกทุกคนในกลุ่ม การเรียนรู้เป็นทีมจะเป็นการเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิกโดยอาศัยความรู้ ความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่มมาและเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของทีมให้เกิดขึ้น

ปฎิทิน




Code Calendar by zalim-code.com

เรียงความเรื่องแม่